H&M และ Zara เตรียมรุกช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์
การตลาด 17:31
ยักษ์ใหญ่สินค้าแฟชั่น แบรนด์ดังอย่าง "ซาร่า" และ "เอชแอนด์เอ็ม" เตรียมขยายช่องทางจำหน่ายสินค้ากับช่องทางออนไลน์ โดย ซาร่าแบรนด์จากสเปน ดีเดย์เปิดให้บริการในวันที่ 2 กันยายนนี้ ขณะที่เอชแอนด์เอ็มจะเริ่มในอีก 2 สัปดาห์ถัดมา
หนังสือพิมพ์การ์เดียนรายงานว่า แบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง "เอชแอนด์เอ็ม" และ "ซาร่า" มีกำหนดเปิดตัวร้านค้า ออนไลน์ในเดือนหน้าเพื่อรับมือกับกระแสแบรนด์เสื้อผ้าไฮสตรีตแฟชั่นที่ซบเซา โดยกลุ่มอินดิเทกซ์ (Inditex) เจ้าของแบรนด์ซาร่า มีแผนจะเปิดตัวเว็บไซต์พร้อมกันทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และ โปรตุเกส ในวันที่ 2 กันยายนนี้
หนังสือพิมพ์การ์เดียนรายงานว่า แบรนด์แฟชั่นชั้นนำอย่าง "เอชแอนด์เอ็ม" และ "ซาร่า" มีกำหนดเปิดตัวร้านค้า ออนไลน์ในเดือนหน้าเพื่อรับมือกับกระแสแบรนด์เสื้อผ้าไฮสตรีตแฟชั่นที่ซบเซา โดยกลุ่มอินดิเทกซ์ (Inditex) เจ้าของแบรนด์ซาร่า มีแผนจะเปิดตัวเว็บไซต์พร้อมกันทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน อิตาลี และ โปรตุเกส ในวันที่ 2 กันยายนนี้
ซึ่งก่อนหน้านี้ ซาร่ามีการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านต่าง ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์อยู่แล้ว ขณะที่การยกเครื่องเว็บไซต์ในครั้งนี้จะเป็นการนำเสนอสินค้าในกลุ่มแฟชั่น ซึ่งลูกค้าสามารถหาซื้อได้ในร้านของซาร่าเท่านั้น
ขณะที่ "เอชแอนด์เอ็ม" จะเผยโฉม ช่องทางออนไลน์นี้ในอีก 15 วันให้หลัง โดยภายในเว็บไซต์ดังกล่าวจะนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย ทั้งเสื้อผ้าสตรี, ผู้ชาย และเด็ก พร้อม ๆ กับเครื่องใช้ในบ้าน ของตกแต่งรุ่นใหม่ ๆ ด้วย
ที่ ผ่านมาค้าปลีกทั้งหลายที่เปิดตัวในประเทศอังกฤษ ต้องรับมือกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดต่ำลง อันเป็นผลจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงเกี่ยวกับงาน จากการที่รัฐบาลมีมาตรการตัดลด งบประมาณมูลค่ามหาศาล รวมถึงลด อัตราการจ้างงานลง ซึ่งแน่นอนว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบมาถึง ภาคเอกชนในที่สุด
ก่อนหน้านี้ "เนกซ์" แบรนด์แฟชั่นระดับโลก ระบุว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง และคาดว่ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปตลอดหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่มาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงแผนการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มในปีหน้า จะยิ่งทำให้บรรดานักช็อปหายไปจากแฟชั่นแบรนด์เนมไฮสตรีตมากยิ่งขึ้น
เช่น เดียวกับ "มาร์ก โบลแลนด์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ "มาร์ก แอนด์ สเปนเซอร์" มองประเด็น ดังกล่าวว่า งบประมาณฉุกเฉินเร่งด่วนของรัฐบาลผสมอังกฤษ มีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างแน่นอน
การ จำหน่ายสินค้าแฟชั่นออนไลน์นี้ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับแบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ หากดูจากยอดขายที่เกิดขึ้นจากหลาย ๆ แบรนด์ พิสูจน์ให้เห็นถึงภาวะการจับจ่ายของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่าง "เนกซ์" ขณะที่ยอดจำหน่ายในร้านสำหรับสาขาที่เปิดให้บริการอย่างน้อย 1 ปี ตกลง 1.5% แต่ธุรกิจ "โฮม ช็อปปิ้ง" หรือการซื้อสินค้าออนไลน์ กลับเติบโตขึ้นถึง 7.8% โดยเพิ่มขึ้นจาก 7.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
สำหรับ "ซาร่า" และ "เอชแอนด์เอ็ม" นั้นเป็น 2 แบ รนด์ล่าสุดที่เคลื่อนตัวจาก แบรนด์ที่จำหน่ายสินค้าผ่านสโตร์ มาสู่ตลาดค้าปลีกออนไลน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ แฟชั่นไฮสตรีตหลายแบรนด์ก็ขยับเข้ามาสู่ช่องทางใหม่นี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ากีฬา "ฟรอนท์ รันเนอร์" หรือแบรนด์อย่าง "ท็อปช็อป" และ "นิวลุก"
ในประเทศอังกฤษนั้น ปัจจุบันผู้นำร้านค้าออนไลน์สินค้าแฟชั่นยังคงเป็น "Asos" ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ล่าสุดได้ประกาศผลประกอบการในไตรมาสแรกว่าเพิ่มขึ้นถึง 54% อันเป็นผลจากยอดขายที่ถล่มทลายของชุดงานเทศกาล และ "แมกซี่ เดรส" หรือชุดเดรสแบบยาวถึงข้อเท้า ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง
"ซาร่า" ได้เข้ามาเปิดสาขาแรกในอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2541 และ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากการนำเสนอเสื้อผ้าแฟชั่นสไตล์แคตวอล์ก ในราคาที่จับต้องได้มาสู่ ผู้บริโภค โดยผลประกอบการปีที่ผ่านมา สิ้นสุดเดือนมกราคม 2553 บริษัทสามารถทำกำไรได้เพียงเล็กน้อย ขณะที่ปีก่อนหน้านี้ขาดทุนไปถึง 20 ล้านปอนด์
ขณะที่ "เอชแอนด์เอ็ม" จะเผยโฉม ช่องทางออนไลน์นี้ในอีก 15 วันให้หลัง โดยภายในเว็บไซต์ดังกล่าวจะนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย ทั้งเสื้อผ้าสตรี, ผู้ชาย และเด็ก พร้อม ๆ กับเครื่องใช้ในบ้าน ของตกแต่งรุ่นใหม่ ๆ ด้วย
ที่ ผ่านมาค้าปลีกทั้งหลายที่เปิดตัวในประเทศอังกฤษ ต้องรับมือกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดต่ำลง อันเป็นผลจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงเกี่ยวกับงาน จากการที่รัฐบาลมีมาตรการตัดลด งบประมาณมูลค่ามหาศาล รวมถึงลด อัตราการจ้างงานลง ซึ่งแน่นอนว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบมาถึง ภาคเอกชนในที่สุด
ก่อนหน้านี้ "เนกซ์" แบรนด์แฟชั่นระดับโลก ระบุว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลง และคาดว่ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อเนื่องไปตลอดหลายเดือนข้างหน้า ขณะที่มาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไป รวมถึงแผนการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มในปีหน้า จะยิ่งทำให้บรรดานักช็อปหายไปจากแฟชั่นแบรนด์เนมไฮสตรีตมากยิ่งขึ้น
เช่น เดียวกับ "มาร์ก โบลแลนด์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ "มาร์ก แอนด์ สเปนเซอร์" มองประเด็น ดังกล่าวว่า งบประมาณฉุกเฉินเร่งด่วนของรัฐบาลผสมอังกฤษ มีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคอย่างแน่นอน
การ จำหน่ายสินค้าแฟชั่นออนไลน์นี้ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับแบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ หากดูจากยอดขายที่เกิดขึ้นจากหลาย ๆ แบรนด์ พิสูจน์ให้เห็นถึงภาวะการจับจ่ายของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่าง "เนกซ์" ขณะที่ยอดจำหน่ายในร้านสำหรับสาขาที่เปิดให้บริการอย่างน้อย 1 ปี ตกลง 1.5% แต่ธุรกิจ "โฮม ช็อปปิ้ง" หรือการซื้อสินค้าออนไลน์ กลับเติบโตขึ้นถึง 7.8% โดยเพิ่มขึ้นจาก 7.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
สำหรับ "ซาร่า" และ "เอชแอนด์เอ็ม" นั้นเป็น 2 แบ รนด์ล่าสุดที่เคลื่อนตัวจาก แบรนด์ที่จำหน่ายสินค้าผ่านสโตร์ มาสู่ตลาดค้าปลีกออนไลน์ ซึ่งก่อนหน้านี้ แฟชั่นไฮสตรีตหลายแบรนด์ก็ขยับเข้ามาสู่ช่องทางใหม่นี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ากีฬา "ฟรอนท์ รันเนอร์" หรือแบรนด์อย่าง "ท็อปช็อป" และ "นิวลุก"
ในประเทศอังกฤษนั้น ปัจจุบันผู้นำร้านค้าออนไลน์สินค้าแฟชั่นยังคงเป็น "Asos" ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ล่าสุดได้ประกาศผลประกอบการในไตรมาสแรกว่าเพิ่มขึ้นถึง 54% อันเป็นผลจากยอดขายที่ถล่มทลายของชุดงานเทศกาล และ "แมกซี่ เดรส" หรือชุดเดรสแบบยาวถึงข้อเท้า ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง
"ซาร่า" ได้เข้ามาเปิดสาขาแรกในอังกฤษ ตั้งแต่ปี 2541 และ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจากการนำเสนอเสื้อผ้าแฟชั่นสไตล์แคตวอล์ก ในราคาที่จับต้องได้มาสู่ ผู้บริโภค โดยผลประกอบการปีที่ผ่านมา สิ้นสุดเดือนมกราคม 2553 บริษัทสามารถทำกำไรได้เพียงเล็กน้อย ขณะที่ปีก่อนหน้านี้ขาดทุนไปถึง 20 ล้านปอนด์
