สถานี่ต่อไป...คริส หอวัง




หมวย-เก๋-แนว บวก น่ารัก สาวทำงานตัวจริงวัย 27 ที่ไม่ใช่สาวน้อย และไม่ด้อยความคิด จากเด็กนอกสุดสปอยล์ เผชิญชีวิตที่อเมริการ่วม 8 ปี ครอบครัวฝ่าวิกฤตส่งลูกเรียนท่ามกลางกระแสฟองสบู่แตก แต่เธอได้เรียนการเต้นบัลเลต์ขั้นเทพที่เธอพอใจ บทบาทในหนัง “สุดเชย” แต่ตัวจริง “สุดแนว” ชีวิตนอกกระแส และเป็นตัวของตัวเอง แบบ “คริส” ทำให้เธอคือนางเอกหนังที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในเวลานี้...

       ****
       ต้องบอกว่าฮอต และ เป็นที่จับตามอง บวกกับเป็นที่อิจฉาของสาวๆทั่วประเทศทีเดียวสำหรับ หมวยหน้าใสคนนี้ “คริส หอวัง” ที่กำลังก้าวมาเป็นนางเอกเต็มขั้น จากหนังเรื่อง “รถไฟฟ้า...มาหานะเธอ” ของค่ายหนังจีทีเอช ป้ายโปสเตอร์ทั่วเมืองติดรูปเธอเป็น นางเอกของ “เคน ธีรเดช” หนุ่มวิศวกร ที่ในเรื่องสาวคริสต้องหลงรักพ่อหนุ่มคนนี้ อีกทั้งตัวเธอเองยังคือสาวเชย ที่ไม่เคยมีแฟน (แหม มันช่างต่างจากตัวจริง!)

       หลายกระแสพูดถึงเธอในแง่ของความอิจฉาที่เธอได้ก้าวเข้ามาเล่นหนัง ประกบพระเอกระดับแถวหน้า (แถม “หน้าหล่อ” แบบ “เคน” อีกต่างหาก) แต่เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อได้พูดคุยกับเธอแล้ว “ความคิด” และการดำรงชีวิตของเธอหลายอย่างน่าสนใจไม่แพ้ “นางเอก” คนอื่นๆเช่นกัน

       สถานี 1 “ ศิริน หอวัง”

       “มีคนคิดว่าคริสคือทายาทโรงเรียนหอวัง จะฝากเข้าโรงเรียนด้วย จริงๆไม่เกี่ยวกับโรงเรียนนี้เลย มันคือนามสกุลคริสแค่นั้นค่ะ”...เจ้าตัวตอบหลังจากที่เราถามชื่อจริงของเธอ

       คริส หอวัง คือชื่อจริง ชื่อแรกของเธอ ที่ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับโรงเรียนหอวัง แต่เมื่อวันที่ต้องเข้าโรงเรียน ทำให้เธอ ต้องมีอีกชื่อ เพราะเนื่องจากในยุคนั้นชื่อของเธอเป็นภาษาฝรั่งที่ใช้พยางค์เดียวไม่ได้ จึงเป็นสาเหตุให้ต้องเปลี่ยนเอกสารในชีวิตทั้งหมด เป็น “ศิริน”

       “คริสนี่คือแรกเกิดเลยค่ะ เกิดมาคือเด็กหญิง คริส หอวังเลย ชื่อจริงคือศิริน เพราะมีปีหนึ่งที่คริสไปเข้าโรงเรียนไทย แล้วเขามีกฎหมายว่า ถ้าชื่อฝรั่งเสียงเดียวพยางค์เดียวไม่ได้ ตลกมั้ย (ยิ้ม) หลังจากปีนั้นคือยกเลิก แต่พลอย หอวังรอด เพราะคือชื่อไทย เด็กหญิงคริส หอวังไม่รอด ก็เปลี่ยนเป็นศิริน แปลว่าท้องฟ้า กว้างขวาง เปลี่ยนพาสปอร์ต เปลี่ยนทุกอย่างเขายกเลิกกฎหมายนี้ ถ้าเด็กชายพุทธ หอวังก็ได้ ไม่เกี่ยวอะไรกับโรงเรียนหอวัง คริสเคยไปแอร์พอร์ตเคยเดินทางไปต่างประเทศ ชื่อในพาสปอร์ต คือ นางสาวศิริน หอวัง เขาก็มองหน้า คริสก็งงมีอะไรผิดปกติมั้ยเนี่ย เขาก็บอกว่าผมฝากลูกด้วยได้มั้ยกำลังไปสมัครอยู่ (ยิ้ม)”
       

       สถานี 2 อเมริกา

       เมื่อเด็กนอกกระแส ไปเรียนเมืองนอก

       ร่ำเรียนในเมืองไทยได้ไม่นาน ด้วยโชคชะตาที่เรียนหนังสือวิชาการไม่เก่ง แต่กิจกรรมเป็นเลิศทำให้คริส ตัดสินใจขอพ่อและแม่ไปเรียนต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาด้านการเต้น และชีวิตที่นั่นทำให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองหลายอย่าง

       “ตอน เด็กคริสเรียนหนังสือไม่เก่งอย่างแรง ก่อนไปอเมริกา เราทำกิจกรรมเยอะมาก ทั้งนาฏศิลป์ บัลเลต์ ครูนาฎศิลป์จะช่วยคริสตลอด ครูจะคอยช่วย เรียนเก่งที่สุดตอน ม.3 ก็ได้แค่ 2.6 แต่เรียนบัลเลต์เก่งมากคริสบอกพ่อว่าไม่รู้จะทำอย่างไรนะ คริสพยายามเรียนให้ดีที่สุดแล้ว พ่อแม่คริสสปอร์ตมาก งั้นไปเรียนเมืองนอกเลย มันมีโรงเรียนอันหนึ่ง เรียนหนังสือปกติด้วย เรียนเต้นรำด้วย ใครจะเรียนอะไรก็ว่าไป มันคือไฮสคูล ทุกคนเรียนจบไฮสคูลนี้มา ถ้าไม่อยากทำทางนี้ก็เรียนหนังสือจบแล้วก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยทั่วไป คริสก็เรียนต่อมหาวิทยาลัยด้านเต้นรำจนจบปริญญาตรี”

       “ไป นอกนี่ชีวิตเปลี่ยนไปเลย อยู่เมืองไทยอยู่โรงเรียนนานาชาติ มีคนใช้ มีคนขับรถ มีพี่เลี้ยง มีคนสวน มีคนทำกับข้าว ไปอยู่ที่นั่นไปอยู่โรงเรียนประจำ ห้ามโดด หออยู่ในโรงเรียน ไม่ไปเรียนโดนทำโทษ โดนหักคะแนน ไปแบงก์ จ่ายค่าเทอมเอง ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ ทุกคนทำหมด เราโตขึ้นทันที ถือเป็นชีวิตที่สนุกและแตกต่าง คริสดีใจที่ได้ไปเรียน ได้ไปใช้ชีวิตที่ได้ทำอะไร คือซักเสื้อผ้าเอง ถ้าอยู่เมืองไทยคงคุณหนูมาก ซึ่งตอนนี้อะไรก็ได้ ไม่เกี่ยงเลย”

       “อยู่ อเมริกา 7 ปีครึ่ง กลับมาเมืองไทย 6 เดือนแรกก็ว่างเหมือนคนอื่นก็ไม่รู้จะทำอะไรดี เราเองก็อยากไปเที่ยวกับเพื่อน คริสก็สปอลย์เหมือนกันนะ งี่เง่า หางานไปเรื่อยๆ บุคลิกอย่างคริสเป็นครูยังไม่ได้หรอก จนมีวันหนึ่งแม่คริสเขารับหนังสือพิมพ์แล้วที่บ้านมีประกาศโรงเรียน ISB (International School Bangkok) เขารับครูสอนเต้นรำ แม่คริสเคยเรียนโรงเรียนนี้ แม่ก็บอกลองไปซิ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ปรากฎว่าได้ เริ่มสอนก็สนุก ชอบ แต่พอสอนไปเริ่มคิดได้ว่า เฮ้ย เราจะเป็นครูไปตลอดชีวิตมันจะไหวหรือ ก็เลยทำงานไปด้วยแล้วไปเรียนบิซิเนสมาเก็ตติ้งอีกตัวหนึ่ง ไม่ได้เรียนแบบเร่งรีบทำงานด้วยเที่ยวด้วย ก็จบปริญญาตรีใบที่สองมา”
       


       สถานีอยากข้าม

       “คริ สเคยทำให้พ่อแม่เสียใจ เศรษฐกิจฟองสบู่แตก ตอนนั้นอยู่บอสตัน ไฮสคูล บอสตันก็มีลูกธุรกิจดังๆทั้งนั้น ตอนนั้นก็มีโรงงานเสื้อผ้าแต่ไม่ถึงขั้นพวกเขา เผอิญคือเพื่อนเราลูกคนมีเงิน มาเจอกันก็กินข้าวกันต้องใช้เงิน แล้วป๊าให้หนูทำไงไม่ให้เรากินหรือ ไม่ให้เราออกหรือ เราไม่รู้ว่าเศรษฐกิจมันแย่จริงๆ ที่บ้านก็ไม่ค่อยมีออเดอร์นะ ใช้เงินให้ประหยัดหน่อยนะลูก เราไม่ได้ใช้เยอะนะ แต่ใช้เท่าเดิม แต่เราก็เทียบกับคนที่เขามีเยอะมากไง นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ พอตอนโตหาเงินได้เองแล้วเพิ่งรู้สึก เอาเงินไปช่วยเขาผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เราก็ใช้คืนเขาบ้าง เพราะตอนนั้นเขาลำบากก็ให้เรา”
       


       สถานี 3 “คริส” สามารถเปลี่ยนเส้นทางไปรถไฟฟ้าสายบันเทิงได้ที่สถานีนี้

       หลังจากเด็กนอกอย่าง “คริส” กลับมาเมืองไทย โอกาสแรกที่ได้เข้าวงการบันเทิงคือการเข้ามาเป็นดีเจที่แฟตเรดิโอ โดย “พลอย หอวัง” ผู้เป็นน้องสาวนั้นได้ออกเทปมาก่อน ตามมาด้วยงานโฆษณา หนัง และอีเวนต์ตามลำดับ ควบคู่ไปกับเป็นครูสอนเต้น

       “ดีเจเนี่ยพี่เขาชวนมาทำ ว่าเข้ามาทำเทปมั้ยเราก็ มาก็ได้เพราะว่าพี่ๆที่ทำงานที่คลื่นวิทยุ เขารู้จักกับพลอย ตอนพลอยเป็นนักร้องที่เบเกอรี่ ตอนนั้นเขาก็ชวนก้อย รัชวิน กับคริส เข้ามาก็ทำเทปด้วยกันก็สองครั้งเองมั้งคะ ก็ให้ทำเลย ตอนแรกๆที่เข้ามาทำตอนแรกเหมือนคนบ้า พูดอะไรกับไมโครโฟนอยู่คนเดียว มีใครฟังอยู่ปลายทางหรือเปล่า มีใครอยากฟังฉันมั้ยก็ไม่รู้ พอเป็นไปสักพักถึงเข้าใจว่าคนฟังเขาคงอยากได้เพื่อน”

       “ไม่ แน่ใจว่าดังมาจากไหน ทำมาเรื่อยๆ คริสก็เป็นคริสแบบปกติ สิ่งต่างๆที่ทำมามันล้วนแล้วแต่ทำด้วยความสนุก ไม่เคยคิดจะมาเส้นบันเทิงเลย ไม่ใช่คนบันเทิง แต่โอกาสมาก็ทำ ฉันไม่เคยอยากไปขัดผิว นวดหน้าหรืออะไร ไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่แล้ว ไปสระผมก็ไม่เป่า นอนเลยแบบนั้นเลยน่ะ ไม่ได้เกิดมาเพื่อตรงนี้ แต่ถามว่าทำแล้วสนุกมั้ยก็ชอบ”

       สถานี 4 เคน ธีรเดช

       จากเด็กแม้วในหนังเรื่อง “อีติ๋มตายแน่” จนวันนี้ การแคสนักแสดงกว่า 600 คน เพื่อมาเป็นนางเอกของเคน ธีรเดช ในหนังเรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ หนังที่มีกระแสอยู่ในขณะนี้ คริส ยอมรับว่า ตื่นเต้น ที่ได้ร่วมงานกับพระเอกแถวหน้า แต่ไม่ใช่เพราะความหล่อ แต่สิ่งที่แบกไว้คือความกดดันว่าจะทำได้ดีหรือไม่ในเรื่องการแสดง

       “เรื่อง นี้ก็ลองมาแคสดูเล่นเป็นตัวไหน เราไม่ใช่คนหุ่นดีที่สุด สวยที่สุด คริสก็ดีใจจังที่ได้มาเล่น ตื่นเต้นไม่ได้ตื่นเต้นที่เล่นกับพี่เคนอย่างเดียวนะ แต่เราไม่เคยเรียนการแสดงมาก่อน เราก็คิดในใจว่า เขาแคสคนมาประมาณ 600 คน 6-7 เดือนเราทำดีพอสำหรับเขามั้ย ทุกคนตั้งความหวังกับนางเอกคนนี้ จาก 600 คนนะ พี่เคนเขาเล่นหนังมากี่เรื่องแล้วล่ะ นางเอกเขาก็ระดับแนวหน้าทั้งนั้น แล้วคริสล่ะ จะตายมั้ย จะทำได้มั้ย ไม่ได้ตื่นเต้นที่พี่เคนหล่อนะแต่กดดันว่าจะทำได้ดีเหมือนที่ทุกคนคาดหวัง หรือเปล่า”

       “วันแรก ที่เข้าฉากที่มีพี่เคน พี่เคนนิสัยดี น่ารัก ก็ตื่นเต้นเพราะว่าไม่เคยส่งไลน์กัน มีแอ็คติ้งโค้ช ลี่มันออกแนวตื่นเต้นอยู่แล้วก็เลยถ่ายฉากตื่นเต้น มันคือจิตวิทยาของผู้กำกับเลย เราตื่นเต้นจริง (หัวเราะ) ถ่ายหนังทั้งกลางวันกลางคืนตลอด ระบบคริสเจ๊งเลย ไม่รู้จะเข้าห้องน้ำเวลาไหน มี 3 วันที่ถ่ายติดกัน วันแรกเจอกัน 6 โม งเลิก 4 ทุ่ม วันต่อมาเจอตี 4 เลิกบ่ายสอง กลับมาเจอกันใหม่ 5 ทุ่มแล้วถ่ายยาวถึงเที่ยง นอนก็ไม่หลับ แต่ก็สนุกดีทั้งเรื่องไม่มีแต่งหน้านะ คือแต่งน้อยมาก น้อยจนแบบ ไม่มีอะไรบนหน้าเลย พร้อมถ่าย9 โมงเราไป 8 โมงครึ่งเราทันน่ะ”

       หนังไทยในมุมมองของคริส

       "คริ สชอบดูหนังไทยนะ อยากให้คนไทยสนับสนุนหนังไทยเยอะๆค่ะ ซึ่งตอนนี้หนูว่ามันดีขึ้น คนเชียร์หนังไทยเยอะขึ้น มันก็ยังมีคนที่ทำให้เหมือนเมืองนอก แต่ด้วยไลฟ์ไสตล์ของคนไทยไม่เหมือนเมืองนอก จะให้คนไทยมาทำหนังคล้ายๆอเมริกันพาย มันก็ไม่มันหรอก คริสเลยคิดว่าหนังไทยเราเลิกเป็นเกาหลี เลิกเป็นหนังฝรั่ง แต่เป็นไทยแบบเรา โปรดัคชั่นทำให้ดีแต่เป็นแบบเรา จะไปได้ดีกว่านะ”
       

       สถานี 5 รถไฟรักกับ “พระเอกตัวจริง”

       แม้ว่าในหนัง ที่ช่างต่างจากตัวจริง เหมยลี่ในบทที่คริสต้องวิ่งหารักขบวนสุดท้าย จากพระเอก แต่ในชีวิตจริง คริส บอกกับเราแบบไม่อายว่า ผู้ชายของเธอ ที่ชื่อ “อุ๋ย บุดด้าเบลส” คือคนดีที่เธอต้องการ

       “คน ส่วนใหญ่คิดแบบนั้น แต่จริงๆ ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดนะคะ อุ๋ยเขาจะมีทัวร์งานต่างจังหวัด ที่เจอกันแล้วคนอื่นเห็นเนี่ย คืออุ๋ยก็ตามมากินข้าว มันกลายเป็นว่าคนใดคนหนึ่งว่างก็มา เพราะมันว่างมาเจอกันแค่นั้น คริสไม่มีเวลา ไปเดินซุปเปอร์ฯ หรือดูหนังหวานมั้ย ไม่หวานเลย อุ๋ยยิ่งไม่หวานเลย ซื้อดอกไม้มาเซอร์ไพร์สเหรอ ไม่มีเลย อุ๋ยไม่โรแมนติกเลย คริสคิดว่าอุ๋ยเหมือนมีช่วงโปรโมชั่นไม่หมดน่ะค่ะ สม่ำเสมอ อุ๋ยเป็นคนดี ไม่ได้มาจะพยายามเป็นคนดี ก็เลยคิดว่าเขานี่แหละหวานของเขาแล้ว”

       สถานีปลายทาง

       
.... ของฝากจากเด็กแนวรุ่นพี่ถึงรุ่นน้อง

       “วัย รุ่นไทย ณ ปัจจุบัน คือดื้อเงียบ เหมือนว่าวัฒนธรรมของเมืองไทย สั่งว่าเราจะต้องฟังพ่อแม่ เรียบร้อย อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ห้ามเถียงนะ แต่ดันกลายเป็นว่าในหัวเขาคิดอยู่ข้างใน พ้นสายตาผู้ใหญ่ เขาทำเลย ในเมืองนอก ยูคิดอะไรพูดเลย ซึ่งมันมีข้อดีและข้อเสียอยู่ เมืองไทยไม่เป็นแบบนั้น มารู้อีกที ติดยาไปแล้วน่ะ เจอเข็มในห้องน้ำ แอบถ่ายคลิปหน้าหนึ่งไปแล้ว พ่อแม่บางคนส่งมาเรียนกรุงเทพไม่รู้เลยว่าเป็นอย่างไร คือมีความคิดเป็นของตัวเองได้ จะนอกกระแสอย่างไร แต่ต้องบนพื้นฐานของความถูกต้อง”

       มุมมองของสาวหมวยสุดฮอต ที่ชื่อ “คริส หอวัง” นางเอกที่ไม่มีรูปแบบตายตัว ไม่สวยหวานแต่เป็นสถานีที่ใครๆก็อยากให้เธอเป็นสถานีปลายทางในขณะนี้ ...

       ประวัติ
       คริส หอวัง (ศิริน) เกิด 5 กรกฎาคม 2525
       มีพี่น้อง 2 คนคือ พลอย หอวัง อดีตนักร้องค่ายเบเกอรี่
       จบการศึกษา จาก Aree Dance School ,โรงเรียนนานาชาติ ร่วมฤดี ,Walnut hill Performance arts School Boston USA และ California Institute of Arts LA, USA
       ผลงานสร้างชื่อ ถ่ายโฆณา, เขียนหนังสือร่วมกับน้องสาวในเรื่อง แรกรัก เริ่มเดท , เป็นดีเจคลื่นแฟตเรดิโอ 104.5, สอนเต้นที่ ร.ร.นานาชาติ ISB และกำลังมีหนังเรื่อง รถไฟฟ้า...มาหานะเธอ



ที่มา : http://www.manager.co.th

1 ความคิดเห็น สำหรับ "สถานี่ต่อไป...คริส หอวัง"

  1. คริสน่ารักมากมาย
    ในหนังเล่นได้ธรรมชาติมาก แพตตี้ก็น่ารัก

    มีกิจกรรม LG GM730 แรลลี่รถไฟฟ้า ตามหารักเธอ

    ส่งรูปคู่กับใครก็ได้พร้อมสโลแกนเด็ดๆ คู่ไหนชนะ จะได้สิทธิ์เข้าร่วมทีมแรลลี่รถไฟฟ้ากับคริส แล้วก็แพทตี้ ด้วยนะ

    ตามมาเล่นกัน http://www.lgloverally.com/

ร่วมแสดงความคิดเห็น

Daily Video

2010 BlogNews Magazine. All Rights Reserved. - Designed by SimplexDesign